ช็อคโกแลต เป็นอีกของฝากยอดฮิตจากญี่ปุ่น เพราะประเทศนี้นอกจากปลาดิบแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานแสนอร่อยอีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า 5 อันดับช็อคโกแลตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาลในญี่ปุ่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะเป็นยี่ห้อไหนกันบ้าง……

อันดับ 5 Kinoko No Yama จาก Meiji

เป็นไอเดียจากพนักงานคนหนึ่งของบริษัท Meiji เอง โดยมีส่วนผสมของขนมปังแครกเกอร์ กับ อพอลโลช็อคโกแลต แล้วพัฒนาให้เป็นช็อคโกแลตรูปเห็ดอย่างที่เห็น โคนเห็ดจะเป็นขนมปัง ส่วนหัวเห็ดจะเป็นส่วนช็อคโกแลต เริ่มวางขายในปี 1975
อันดับ 4 Crunky จาก LOTTE
เป็นขนมที่นำช็อคโกแลตนม มาผสมคลุกเคล้ากับข้าวพองจนกรุบกรอบ แล้วใส่ไส้ขนมปังแคร็กเกอร์ ให้ลิ้มรสความหวานอร่อยกันมาตั้งแต่ปี 1974 แล้วล่ะ
เป็นขนมที่นำช็อคโกแลตนม มาผสมคลุกเคล้ากับข้าวพองจนกรุบกรอบ แล้วใส่ไส้ขนมปังแคร็กเกอร์ ให้ลิ้มรสความหวานอร่อยกันมาตั้งแต่ปี 1974 แล้วล่ะ
อันดับ 3 Tirol Choco
ผู้ผลิตต้องการให้เด็กๆได้ทานช็อคโกแลตในราคาถูก จึงทำช็อคโกแลตขนาดเล็กมาวางขายในราคา 10 เยน (ประมาณ 40 สตางค์) ในปี 1962 จึงส่งผลให้กลายเป็นสินค้าขายดีอย่างรวดเร็ว ต่อมามีวิกฤติน้ำมันแพงทำให้ต้องขึ้นราคาเป็น 30 เยน ทำให้ยอดขายตก จึงกลับมาในแนวคิดเดิมด้วยการหั่นชิ้นให้เล็กลง และขาย 10 เยนเท่าเดิม
เด็กๆหลายคนจึงเรียกช็อคโกแลตชนิดนี้ว่า ช็อคโกแลต 10 เยน เป็นอีกฉายาหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันก็มีวางขายทั้งแบบ 10 เยน, 20 เยน และ 30 เยนตามขนาดที่แตกต่างกัน
อันดับ 2 Koeda จาก Morinaga
เป็นขนมยอดฮิต เนื่องจากความอร่อยของช็อคโกแลตแท่งเล็กๆ ที่มีข้าวพอง และอัลมอนด์ 2 ชนิดเคลือบอยู่ จึงได้ทั้งความนุ่ม กรุบกรอบ และหวานอร่อยจนหลายคนติดใจ วางขายครั้งแรกในปี 1971
เป็นขนมยอดฮิต เนื่องจากความอร่อยของช็อคโกแลตแท่งเล็กๆ ที่มีข้าวพอง และอัลมอนด์ 2 ชนิดเคลือบอยู่ จึงได้ทั้งความนุ่ม กรุบกรอบ และหวานอร่อยจนหลายคนติดใจ วางขายครั้งแรกในปี 1971
อันดับ 1 Takenoko No Sato จาก Meiji
อันกับสุดยอดช็อคโกแลตยอดฮิตในญีปุ่น ตกเป็นของรุ่นน้องจากอันดับ 5 ซึ่งวางขายตามหลังกันมา 4 ปี โดยเปลี่ยนจากแครกเกอร์มาเป็นคุกกี้ แล้วทำให้มีลักษณะเหมือนหน่อไม้แทน ด้วยความหวานอร่อยนี้เอง จึงทำให้เด็กๆในญี่ปุ่นนิยมชมชอบเป็นอย่างมากเลยล่ะ
อันกับสุดยอดช็อคโกแลตยอดฮิตในญีปุ่น ตกเป็นของรุ่นน้องจากอันดับ 5 ซึ่งวางขายตามหลังกันมา 4 ปี โดยเปลี่ยนจากแครกเกอร์มาเป็นคุกกี้ แล้วทำให้มีลักษณะเหมือนหน่อไม้แทน ด้วยความหวานอร่อยนี้เอง จึงทำให้เด็กๆในญี่ปุ่นนิยมชมชอบเป็นอย่างมากเลยล่ะ
ขอขอบคุณ ที่มา:http://www.wegointer.com/2013/04/ไปญี่ปุ่นอย่าลืมของฝาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น